กระหล่ำปลี พืชผักทำเงินของเกษตรกร กระหล่ำปลีเป็นพืชล้มลุก ใบจะเรียงตัวรอบต้นเป็นวงกลมและจะซ้อนกันเป็นชั้นๆ จึงทำให้กะหล่ำปลีมีลักษณะของต้นเป็นทรงกลม วันนี้เรามีวิธีดูแลรักษา กะหล่ำปลีมาแนะนำให้เกษตรกรได้รู้กัน กะหล่ำปลี จะได้มีผลผลิตที่ดี มาดูกันว่ามีวิธีอะไรบ้าง
ก่อนอื่นมารู้จักกับชนิดของกระหล่ำปลีกันก่อน กระหล่ำปลีมี 3 ชนิด
1. กะหล่ำปลีธรรมดา ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือสายพันธ์โกลเด้นเอเคอร์แอละสายพันธุ์โคเปนเฮเกมาร์เก็ต มีใบเป็นสีเขียว เรียบ ลักษณะของต้นเกิดจากการรวมตัวของใบเป็นวงกลม ใบด้านนอกมีสีเขียวอ่อนถึงกลางส่วนใบด้านในมีสีเหลืองอ่อน
2. กะหล่ำปลีแดง สายพันธุ์นี้ลักษณะหัวกลมแต่จะมีใบเป็นสีแดงต่างจากสายพันธุ์ธรรมดาที่มีใบเป็นสีเขียว ใบของกะหล่ำปลีแดงจะหนา กะหล่ำปลีแดงเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีอากาศหนาวเย็น
3. กะหล่ำปลีใบย่น สายพันธุ์นี้จะใบจะมีสีเขียวเข้มและมีลักษณะพิเศษคือใบย่นเป็นคลื่นหรือหยิกทั้งใบ เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นมาก
วิธีดูแลรักษากะหล่ำปลี
1. ในแปลงต้นกล้าควรตรวจดูสภาพโรคและแมลง และฉีดยาป้องกันกำจัดตามความจำเป็น
2. ใช้ปุ๋ยหากต้องการเร่งให้กล้าเจริญเติบโตแข็งแรงดี แนะนำให้ใช้ ปุ๋ยเร่งดอก ปุ๋ยเร่งโต เร่งผล ฟาร์เมอร์มีฝาเขียว ผสมกับน้ำแล้วฉีดพ่น เมื่อกล้ามีอายุ 30-45 วัน
3. การนำกล้าลงแปลงควรทำตอนที่แสงแดดอ่อนและต้องรดน้ำทันทีหลังจากนำกล้าลงแปลงปลูกแล้ว
4. การให้น้ำ ต้องรดน้ำให้เพียงพอโดยสังเกตว่าต้องให้ดินชื้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะกะหล่ำปลีมีรากตื้น
5. ควรระวังในการพรวนดิน กำจัดวัชพืช ต้องไม่ให้กระทบกระเทือนราก
6. ให้ปุ๋ย เนื่องจากกะหล่ำปลีเป็นผักที่ใช้ใบนำมาเป็นอาหาร คุณสมบัติเหล่านี้จะมีได้ต่อเมื่อกะหล่ำปลีได้รับธาตุอาหารเพียงพอ
การปลูกกะหล่ำปลีให้เติบโต นอกจากการดูแลรักษาแล้วนั้นควรจะหมั่นเช็คว่า มีแมลงมากัดกินเป็นโรคอะไรไหม หรือแร่ธาตุที่ไม่เพียงพอ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุทำให้พืชไม่เติบโตได้ วันนี้เรามีผลิตภัณฑ์มาแนะนำ น้ำส้มควันไม้ เกรดพรีเมี่ยม ฟาร์มเมอร์มีฝาทอง ช่วยในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ไส้เดือนฝอย ขับไล่แมลง และรักษาโรครา และโรครากเน่าได้
สนใจผลิตภัณฑ์ น้ำส้มควันไม้ เกรดพรีเมี่ยม ฟาร์มเมอร์มีฝาทอง คลิก
อ่านบทความ 4 ขั้นตอนปลูกต้นหอมและดูแล วิธีง่าย ๆ โตไวได้กินเร็ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น